วันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2550

เมื่อจักรพรรดิตกบัลลังก์

Intel Pentium II ( Klamath/Deschute )
ในกลางปี 1996 Intel ก็ได้ส่งตัว CPU ในตระกูล x86 ตัวใหม่ของตน ออกสู่ท้องตลาด นั่นก็คือ Intel Pentium II ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็เหมือน Pentium Pro ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอีกระดับหนึ่งนั่นเอง เพราะโดยสถาปัตยกรรมทั่วๆไปแล้ว ก็ไม่ต่างจาก Pentium Pro เลย เพียงแต่มีการปรับแต่งบางอย่างให้มีความสมดุลย์ และ มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เช่นมีการใส่คำสั่ง MMX เข้าไป และมี การปรับแต่ง Interface เสียใหม่ โดยจากเดิมนั้นใช้ Interface แบบ Socket เช่น Intel Pentium Pro ใช้ Socket 8 หรือ Intel Pentium MMX ใช้ Socket 7 ( และ/หรือ Socket 5 ) ก็หันมาใช้ Interface เป็นแบบ Slot แทน และเปลี่ยน Package ของ CPU จากที่เป็น PGA ( Pin-Grid Array ) มาเป็น SECC ( Single Edge Contact Cartridge ) ซึ่งมีลักษณะ เหมือนกับ กล่องวีดีโอเทป และ ได้มีการย้ายตำแหน่งของ Cache ระดับ 2 ออกมาไว้ต่างหาก ถึงแม้ว่าจะอยู่ใน SECC เหมือนกับ CPU แต่ก็ไม่ได้บรรจุไว้บน Chip ของ CPU อย่าง Pentium Pro และ ทำงานด้วยความเร็วเป็นครึ่งหนึ่งของความเร็ว CPU ( เช่น CPU ความเร็ว 300 MHz เจ้า Cache ระดับ 2 นี้ ก็จะทำงานที่ความเร็วเพียง 150 MHz เท่านั้น ) และยังได้เพิ่มขนาดของ Cache ระดับ 1 เป็น 32K ซึ่งเป็น 2 เท่าของ Intel Pentium Pro เลยทีเดียว รูปข้างล่างนี้ แสดง Package ของ Intel Pentium II ทั้งด้านหน้า และ ด้านหลัง
เรียก Interface ใหม่ที่ใช้ต่อเชื่อมระหว่าง CPU กับ Mainboard ว่า เป็น Slot-1 ( สล็อตวัน ) โดยสาเหตุหลัก ที่ Intel ต้องเปลี่ยนมาใช้เป็น Slot-1 นั้น ทาง Intel อ้างว่า เพื่อลดปัญหาคอขวดระหว่าง Cache ระดับ 2 และ หน่วยความจำหลัก ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญ ที่เป็นตัวหน่วงประสิทธิภาพของระบบ แต่โดยความเห็นส่วนตัวแล้ว คาดว่าจุดประสงค์หลัก จริงๆ แล้ว น่าจะเป็นเพราะเรื่องของลิขสิทธิ์มากกว่า ... เพราะเมื่อ Intel ย้ายมาใช้เป็น Slot-1 แล้วก็ได้มีการจดลิขสิทธิ์ไว้ทันที บริษัทผู้ผลิต CPU เจ้าอื่นๆ หากต้องการที่จะผลิต CPU ที่ใช้ Slot-1 ด้วย ก็ต้องจ่ายค่าสิทธิบัตรให้กับทาง Intel เป็นจำนวนไม่ใช่น้อยๆเลยทีเดียว CPU Intel Pentium II นั้น มี 2 รุ่น ... รุ่นแรกที่ออกสู่ท้องตลาดนั้น ใช้เทคโนโลยีขนาด 0.35 Micron และ ใช้ไฟเลี้ยง ( Vcore ) 2.8 Volt มี Code Name ว่า Klamath ซึ่ง CPU รุ่นนี้จัดว่ามีความร้อนสูง ต่อมา ทาง Intel จึงได้ทำการลดขนาดของแผ่นเวเฟอร์ลง หันมาใช้เป็นขนาด 0.25 Micron แทน และใช้ไฟเลี้ยงเป็น 2.0 Volt แทน โดยรุ่นนี้จะมี Code Name ว่า Deschute พร้อมกันนั้น ก็ได้เปิดตัว chipset ตัวใหม่ของตน ซึ่งสนับสนุนการทำงานถึง 100 MHz ด้วย ... นั่นก็คือ chipset Intel 440BX เอาละครับ ลองมาดู Spec รายละเอียดของ Pentium II กันดีกว่านะครับ
มีตั้งแต่รุ่น 233 MHz ถึง 450 MHz ( 233-333 MHz ใช้ FSB 66 MHz , 350-450 MHz ใช้ FSB 100 MHz )
Deschute Core นั้น ใช้เทคโนโลยีขนาด 0.25 Micron เพื่อเพิ่มความถี่ของ core ได้มากขึ้น และ ใช้ไฟน้อยลง
มี MMX ด้วย แต่เหนือชั้นไปว่า Intel Pentium MMX เพราะสามารถทำงานได้ทีละ 2 ชุดคำสั่ง MMX ได้พร้อมๆกัน
มีสถาปัตยกรรมแบบ Dual Independent Bus ( DIB ) โดยแบ่งเป็น System Bus และ Cache Bus เพื่อเพิ่มความกว้างของเส้นทางข้อมูล และ เพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม
รุ่น 350, 400 และ 450 MHz นั้น ใช้ความเร็วบัสของระบบ ( FSB ) เพิ่มจากเดิม 66 MHz เป็น 100 MHz เพื่อดึงประสิทธิภาพให้เกิดมากที่สุด
Cache ระดับ 1 ขนาด 32 K แบ่งเป็น Cache ข้อมูล 16 K และ Cache คำสั่งอีก 16 K
Cache ระดับ 2 อยู่ใน SECC เดียวกัน ขนาด 512 K ทำงานที่ความเร็วเป็นครึ่งหนึ่งของความเร็ว CPU
รุ่น 350, 400 และ 450 MHz นั้น สามารถอ้างตำแหน่งของหน่วยความจำได้มากถึง 4 GB
สามารถใช้ร่วมกันเป็น Dual Processor ได้ โดยจะสามารถอ้างหน่วยความจำหลักได้ถึง 64 GB
และ ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการตรวจสอบความผิดพลาดของ Cache ระดับ 2 อีกหลายอย่าง CPU ในสายการผลิตที่ใช้ Code Name ว่า Deschute นั้น ทาง Intel ได้มีการป้องกันการ OverClock CPU ของตน โดยได้มีการ Lock ค่าตัวคูณ ให้คงที่ตลอด ไม่ว่าจะปรับแต่งอย่างไร ก็ไม่มีผล ( Multiplier Lock ) เพื่อลดปัญหาการ Remark CPU ของตน และ เพื่อปิดกั้นการ OverClock CPU ของตนอีกทางหนึ่ง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไร้ผล เพราะ ก็ยังคงมีการ OverClock CPU ตระกูลนี้กันให้สนุกมือเลยทีเดียว :-) Intel Pentium II Xeon
Pentium II Xeon นั้น ถูกพัฒนาเพื่อเน้นให้ใช้งานสำหรับ Server โดยเฉพาะ ถึงแม้ว่าสถาปัตยกรรมโดยทั่วๆ ไป จะคล้ายๆ กับ Pentium II แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่าง เห็นได้ชัดนั้น ก็มีไม่น้อยเช่นกัน ดังนี้
ใช้ Interface ใหม่ เป็น Slot-2 ( สล็อตทู ) และ ไม่สามารถใช้ด้วยกันได้กับ Slot-1
ใช้งานบน Mainboard ที่ใช้ chipset 440GX ( AGP set ) และ/หรือ 440NX ( PCI set )
มีหน่วยความจำแคช L2 ทั้งในขนาด 450MHz 512 กิโลไบต์ และ 400MHz 512 กิโลไบต์ หรือ 1 เมกะไบต์
ใช้ข้อมูลร่วมกันกับส่วนที่เหลือของระบบผ่านทางซิสเต็มบัสความจุสูงที่ทำงานได้ครั้งละหลายรายการ และมีความเร็ว 100MHz
เพิ่มหน่วยความจำได้สูงถึง 64 กิกะไบต์
ซิสเต็มบัสสนับสนุนการปฏิบัติตามคำสั่งหลายรายการพร้อมกัน เพื่อขยายแบนด์วิธ และยังสนับสนุนการทำงานโปรเซสเซอร์ได้สูงสุดถึง 8 ตัว
PSE36 การขยายการสนับสนุนหน่วยความจำ ให้เป็นขนาด 36 บิตที่ทำให้ระบบปฏิบัติการใช้หน่วยความจำขนาดใหญ่กว่า 4 กิกะไบต์ได้ ซึ่งจะทำให้ระบบ มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสำหรับการใช้งานแอพพลิเคชั่นที่ต้องอ่านข้อมูลมากๆ และใช้พื้นที่หน่วยความจำมากในการทำงาน
สนับสนุนคลัสเตอร์ หรือความสามารถในการจัดระบบเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ โปรเซสเซอร์ 4 ตัวหลายระบบเป็นส่วนเดียวกันได้
มีระบบช่วยตรวจจับความร้อน โดย Diode ที่อยู่บน PCB จะช่วยตรวจจับอุณหภูมิ และ สามารถหยุดการทำงาน หากว่าอุณหภูมิสูงเกินไปได้
มีระบบตรวจสอบ และ แก้ไขข้อผิดพลาดของข้อมูล ( ECC : Error Correction Code )
มีระบบตรวจสอบการทำงานแบบซ้ำซ้อน ( FRC : Functional Redundancy Checking ) โดยพื้นฐานของราคา และ เป้าหมายทางการตลาดแล้ว ก็ดูจะไม่เหมาะกับ HomeUser หรือผู้ใช้งานระดับทั่วไป ละครับ Intel Celeron ( SEPP / PPGA 370 )
ถึงแม้ว่า Intel Pentium II ที่ออกมานั้น จะมีประสิทธิภาพที่ดูแล้วเด่น และ น่าสนใจมากๆ แต่ก็ติดปัญหาที่ราคานั้น จัดว่าสูงมาก ทำให้ไม่สามารถเข้ามามีส่วนแบ่งในตลาดระดับล่างได้ ... ทาง Intel จึงได้เปิดตัว Celeron ขึ้น โดยใช้โครงสร้างภายในมาจาก Intel Pentium II รุ่น Deschute นั่นเอง เพียงแต่ตัดเอา Cache ระดับ 2 ออก และ เปลี่ยน Package เล็กน้อย เป็น SEPP ( Singel Edge Processor Package )และได้ผลิตออกมา 2 รุ่นคือ ที่ความเร็ว 266 และ 300 MHz โดยมี CodeName ว่า Covinton ซึ่งราคานั้น ก็จัดว่าถูกกว่า Pentium II ที่ความเร็วเท่าๆ กัน ครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนว่า การตัด Cache ระดับ 2 ออกไปนั้น มีผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมเป็นอย่างมาก และ ยิ่งเป็นจุดที่ทำให้ คู่แข่งได้มีโอกาสซ้ำเติมตรงนี้ และ ใช้ข้อบกพร่องตรงนี้ของ Celeron มาพัฒนา CPU ของตนให้เป็นจุดเด่นแทน ก็เลยทำให้ทาง Intel ตัดสินใจใส่ Cache ระดับ 2 เข้าไปด้วย แต่ไม่ได้เอาไปไว้บน PCB เดียวกัน อย่าง Pentium II หากแต่ นำไปวางไว้บนแผ่น Siligon เดียวกันกับ CPU เลย ทำให้ Cache ระดับ 2 ที่เพิ่มเข้าไปนั้น ทำงานด้วยความเร็ว เท่ากันกับ CPU เลยทีเดียว แต่ขนาดของ Cache ระดับ 2 นั้น หากทาง Intel เพิ่มเข้าไป ในจำนวนเท่าๆกับ Pentium II ( คือ 512 K ) ผลก็คือ ราคานั้น อาจจะพอๆกัน หรือ อาจจะแพงกว่า Pentium II ซะด้วยซ้ำ ... Intel ไม่ทำเช่นนั้นแน่ๆ ดังนั้น ขนาดของ Cache ระดับ 2 ที่ Intel ใส่เพิ่มเข้าไป จึงมีเพียงแค่ 128K หรือเป็น 1/4 ของขนาดของ Cache ระดับ 2 ใน Pentium II เท่านั้น Celeron ที่เพิ่ม Cache ระดับ 2 เข้าไปนั้น ก็มีตั้งแต่รุ่นความเร็ว 300 MHz เป็นต้นไป เพื่อไม่ให้สับสนในการเลือกซื้อ เพราะในรุ่นที่ไม่มี Cache ระดับ 2 ก็มีรุ่นที่มีความเร็ว 300 MHz ด้วย ทาง Intel จึงเรียกชื่อ Celeron รุ่น 300 MHz ที่มี Cache ระดับ 2 นี้ว่า เป็นรุ่น Celeron 300 A แทน และ ให้ชื่อสายการผลิตนี้ว่า Mendocino ต่อมา เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายลงอีก ทาง Intel จึงได้ตัดสินใจผลิต Celeron Version ใหม่ ที่ใช้ Core เดิม หากแต่เปลี่ยน Interface หันกลับมาใช้เป็น Socket ตามเดิม แต่ว่า ได้ออกแบบใหม่ ( อีกแล้ว ) เป็น Socket ที่มีจำนวนขา 370 ขา ( Socket 7 นั้นมี 321 ขา ) และเรียก Package ของ Celeron ใหม่นี้ว่าเป็น PPGA
รูปแสดงการเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างของ CPGA ( 321 Pin ใช้กับ Socket 7 ) และ PPGA ( 370 Pin ใช้กับ Socket 370 ) สถาปัตยกรรมโดยทั่วไปนั้น ก็ เหมือนๆกับ Pentium II เพราะใช้ Core หลัก เดียวกัน มีการล็อคตัวคูณสัญญาณนาฬิกาเหมือนกัน แตกต่างกันก็ตรงที่ Celeron นั้น ยังคงใช้ความเร็ว Bus ของระบบเป็น 66 MHz ตลอดมา และ ใช้ผลิตรุ่นที่เป็น SEPP ( ใช้ Interface เป็น Slot-1 ) จนกระทั่งรุ่นความเร็ว 433 MHz จึงเลิกผลิต และ หันไปเน้นการผลิตแบบที่เป็น PPGA แทน
รูปแสดงรูปร่าง และ รายละเอียดของ SEPP ของ Celeron รุ่น Mendocino Core
รูปเปรียบเทียบ SEPP, SECC ตั้งแต่ Celeron ( Covinton ) , Celeron ( Mendocino ) และ Pentium II ( Deschute ) AMD K6-2 3DNow!
หลังจากที่พลาดท่ามาแล้วกับ รุ่น K6 ซึ่ง มีหน่วยประมวลผลด้านทศนิยมนั้นด้อยกว่าของ Intel อยู่ ตั้งแต่ 1 - 2 ระดับ ( ประสิทธิภาพ FPU ของ K6 300 MHz นั้น พอๆ กับ Pentium MMX 233 MHz เท่านั้น ทั้งๆ ที่ความเร็วห่างกันอยู่ถึง 2 ระดับ ) ทำให้ CPU รุ่น K6 นั้น ไม่เป็นที่แพร่หลาย สำหรับ ผู้ที่ต้องการพลังในการประมวลผลด้านทศนิยมเป็นอย่างมาก ... แน่นอน ... กับเกมส์ 3D ที่กำลังเป็นที่นิยมนั้น K6 ทำคะแนนได้ไม่ดีเลย จัดว่าแย่เอามากๆ แต่ถ้าเป็นการทำงานด้านอื่นๆ นั้น โดยเฉพาะกับงานด้าน Office Application หรืองานที่ต้องการใช้การประมวลผลด้านเลขจำนวนเต็ม ( เกมส์ 2D ก็ใช่ ) นั้น K6 กลับทำได้ดีเกินคุ้มเลยทีเดียว AMD ก็ได้เล็งเห็นถึงข้อบกพร่องตรงนั้นของตน และก็คิดหาทางแก้ไข ... แต่การออกแบบโครงสร้างใหม่นั้น ไม่ใช่ง่ายๆ นอกจากจะใช้เวลาไม่ใช่น้อยๆแล้ว ยังต้องทุ่มทุนในการพัฒนาอีกมากด้วย ซึ่งหาก AMD เลือกทางนี้ ก็จะไม่มี CPU ออกมาแข่งกับ Intel และ ปล่อยให้ Cyrix นั้นแข่งชิงความเป็นเจ้าตลาดกับ Intel เท่านั้น ... ซึ่งแน่นอนไม่ว่าผลการชิงนั้น จะเป็นอย่างไร AMD ก็คงไม่ยอมแน่ๆ เพราะ ตนได้แต่เพียงมองดูเขาชิงกัน ... AMD ต้องการมีส่วนร่วมด้วย ... แต่จะทำอย่างไร ล่ะ ในเมื่อ FPU ของ AMD นั้น สู้กับทาง Intel ไม่ได้เลย แล้วจะทำอย่างไรดี? 3DNow! จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ โดย 3DNow! นี้ ก็เหมือนๆ กับ ชุดคำสั่ง MMX ของ Intel คือเป็น คำสั่งใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อการหนึ่งการใด ... ใช่ครับ 3DNow! นี้ มีมาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคำนวนเชิง FPU เพื่อใช้กับเกมส์ หรือ Application ที่มีการคำนวนภาพแบบ 3 มิติ ( 3D ) นั่นเอง ก็ใช่ว่า 3DNow! ที่เกิดขึ้นนี้ จะรุ่ง และ เพิ่มประสิทธิภาพของ CPU ได้เต็มที่ซะทีเดียวนัก เพราะ 3DNow! นี้ เป็นชุดคำสั่งภายใน ที่จำเป็นต้องมี Driver และ/หรือ Software ที่ใช้นั้น ก็ต้องมีการเรียกใช้ และมีการปรับแต่งให้เข้ากับ 3DNow! ด้วย จึงจะทำให้ มันใช้งานได้มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่อย่างไรก็ดี มีบริษัทผู้ผลิตเกมส์ และ ผลิต Graphic Chip ไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ออกตัวว่าจะผลิตเกมส์ หรือ Driver ของ Graphic Chip ให้สนับสนุนการทำงานของ 3DNow! นี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเจ้าตลาด Graphic Chip 3D เกมส์ในขณะนั้น ซึ่งก็คือ 3Dfx ได้ประกาศและพัฒนา Driver สำหรับ Chip Voodoo ของตน ให้สนับสนุนการทำงานของ 3DNow! นี้ด้วย ก็ทำให้ CPU AMD K6-2 3DNow! นี้ เริ่มกลายเป็นที่กล่าวขวัญถึงกันอย่างมาก ประกอบกับทาง VIA และ ALI ได้ออก Chipset ที่ใช้กับ Socket 7 ( AMD K6-2 นี้ยังคงใช้ Interface แบบ Socket 7 ) ที่ใช้งานที่ 100 MHz ได้ ก็ช่วยทำให้ AMD K6-2 นี้ มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอีก สำหรับทางด้านรายละเอียดทั่วๆไป นั้นก็ขอสรุปคร่าวๆดังนี้ครับ
ใช้ FSB ที่ 66 MHz สำหรับ AMD K6-2 266 , 300 MHz ( AFR-66 ) และ 366 MHz
ใช้ FSB ที่ 95 MHz สำหรับ AMD K6-2 333 , 380 และ 475 MHz
ใช้ FSB ที่ 100 MHz สำหรับ AMD K6-2 300, 350, 400 , 450 และ 500 MHz
ใช้เทคโนโลยีขนาด 0.25 Micron และใช้ไฟเลี้ยง CPU เป็น 2.2 Volt ( K6-2/III 400 MHz ในรุ่นแรกๆ ใช้ไฟ 2.4 Volt )
ใช้ Interface แบบ Socket 7 ( 321 Pin ) ด้วยประสิทธิภาพที่สูง และ เด่นทั้งด้านการคำนวนเลขจำนวนเต็ม และ ยังเด่นในด้านเกมส์ 3D ( ถึงแม้จะไม่ใช่ที่ 1 แต่คุณภาพ ก็อยู่ใน ข่ายที่ยอมรับได้ ) บวกกับ ราคาที่จัดว่าถูกมากๆ ... ก็ทำให้ AMD K6-2 3DNow! นี้ ขายดิบขายดี เป็นเทน้ำ เทท่า เลยละครับ
หลายคน โดยเฉพาะทาง Intel คงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ที่ผลการสำรวจตลาดในเดือนมกราคม ปี 2542 ที่ผ่านมานั้น ผลปรากฏว่า ยอดขาย CPU โดยรวมของ AMD นั้นสูงกว่า เพราะ ส่วนแบ่งของตลาดระดับล่าง และ ระดับกลางนั้น AMD แทบจะยึดครองไว้ได้เกือบหมด และ ในเดือนกุมภาพันธ์ต่อมา ส่วนแบ่งตลาดของ AMD ก็ยังคงเหนือกว่า Intel อีกเช่นเดิม เอาละสิ แล้วอย่างนี้ จักรพรรดิจะทำอย่างไร? เมื่อบัลลังก์ถูกฉกชิงไปต่อหน้าต่อตา ... จักรพรรดิจะสิ้นชื่อก็คราวนี้นะหรือ? ... สงครามบทนี้ จะจบลงอย่างนี้หรือ? ... ไม่แน่ๆ ... Intel คงต้องหาทางโต้กลับมาแน่ๆ แต่จะโต้กลับอย่างไร และ สำเร็จไหม ... แล้ว AMD นั้น มีการเตรียมตัว ในการตั้งรับการโต้กลับของ Intel ไว้อย่างไร? ... มาดูกันต่อเลยครับ ตารางสรุปเปรียบเทียบ Spec ต่าง
Processor Features
Performance Benefits
AMD-K6®-2 with 3DNow!™ technology
Pentium®II
Celeron
Process Technology (micron)
0.25
0.25
0.25
Die size (mm2)
Smaller die size=lower cost
81
131
131 or 155
Clock speed (MHz)
Faster clock speed generally means faster processing and apps launching
300333350/366/380 400450475
300333350400450
300/300A 333366400433 466 500
L1 cache
Built-in feature that helps the CPU retrieve even faster
64K Yes
32K Yes
32K Yes
L2 cache Support
Augments L1 cache, making data retrieval even faster
Yes
Yes
No 266/300 MHz Yes 300A/333MHz
Processor bus (max bus speed)
Moves data between CPU and memory
Super 7™ 100MHz Socket7 66MHz
Slot 1 100MHz 66MHz
Slot 1,Socket 37066MHz
MMX™ Technology
Enhances multimedia applications and runs other apps 10% faster
Yes
Yes
Yes
3DNow!™ Technology
Enables superior visual and multmedia experience
Yes
No
No
100 MHz Bus Support
Moves data between the CPU and the main memory. L2 cache can't improve performance without a fast bus to move the data. Faster bus eliminates the data bottleneck
Yes
Yes, but only at 350MHz and above
No
Accelerated Graphics Port Support
Speeds up 3D graphics
Yes
Yes
Yes
X86 compatibility
Standard industry architecture, essential for running standard PC applications
Yes
Yes
Yes
รายละเอียดเพิ่มเติม
3DNow! 3DNow! นั้น เป็นชุดคำสั่งใหม่ ที่ทาง AMD เป็นผู้คิดค้น และ พัฒนา โดยจะมีคำสั่งใหม่ๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามาอีก คำสั่งที่ใช้งานในแบบ SIMD ( Single Instruction Multiple Data stream ) เพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพในด้านการคำนวนเชิงทศนิยม รวมถึงได้แก้ไขปัญหาคอขวด ( BottleNeck ) ของ 3D Graphics Pipeline ระหว่าง CPU และ 2D/3D Graphic Card ด้วย ทาง AMD เลือกใช้วิธีนี้ ในการแก้ไขปัญหาเรื่องประสิทธิภาพด้าน FPU ในการเล่นเกมส์ 3 มิติ ซึ่ง CPU ของตนนั้นทำได้แย่กว่าของทาง Intel ที่ระดับความเร็วสัญญาณนาฬิกาเท่าๆกัน อ่านรายละเอียดเรื่องของ 3DNow! และ ประสิทธิภาพในการประมวลผลของ FPU ต่างๆ ได้ที่ พลังแห่งการประมวลผลเชิงทศนิยม ( FPU Power )
Cache Cache นั้น สำคัญไฉน อ่านเพิ่มเติมได้ ที่บทความเรื่อง Cache ครับ
Stepping ค่า Stepping เป็นค่าที่บ่งบอกถึงจำนวนการแก้ไข CPU โดย Stepping 0 หมายถึง core ที่เป็น Original Product และเมื่อมีการพบข้อผิดพลาดในส่วนของ MicroCode ของ core CPU หรือพบ CPU นั้นๆไม่สมบูรณ์ ก็จะทำการแก้ไขใหม่ เมื่อทำการแก้ไขใหม่เรียบร้อยแล้ว ก็จะเพิ่ม Stepping เป็น 1 และเมื่อพบข้อผิดพลาดและได้ ทำการแก้ไขอีกก็จะทำการเพิ่มค่า Stepping เข้าไปอีก ซึ่ง จะว่าไปแล้ว Stepping นี้ ก็อาจเปรียบได้กับการพิมพ์หนังสือ ... เป็นการพิมพ์ครั้งที่ 1 ... พิมพ์ครั้งที่ 2 หรือ พิมพ์ ครั้งที่ 3 เป็นต้น โดยปกติแล้ว จะพบว่า CPU ที่มีค่า Stepping มากกว่า 0 มักจะ Overclock ไม่ค่อยได้ หรือ มีเปอร์เซ็นต์สำเร็จ ในการ OverClock ต่ำกว่า CPU ที่มี Stepping เป็น 0 แต่ว่า มันจะมีความ Stable สูงกว่า สรุปง่ายๆ ก็คือ CPU ที่มี Stepping มาก ก็ยิ่ง OverClock แต่มันก็มากด้วยความ Stable
S-Code S-Code หรือ ที่ Intel เรียกว่า S-Spec นั้นเป็น ตัวอักษร 5 ตัวโดยนำหน้าด้วยตัว "S" ซึ่งทาง Intel ใช้สำหรับระบุความแตกต่างของชนิดของ CPU ของตนทั้งในด้านของ ชนิด, Stepping, Vcore หรือแม้แต่ ชนิดของการ Package CPU ว่าเป็น OEM หรือ Retail โดยสามารถดูได้ที่ตัวของ SEPP เลย หรือ ถ้าเป็นรุ่น Retail ก็จะดูได้จากข้างกล่องที่บรรจุ
Multiplier Lock ความเร็วในการทำงานของ CPU นั้นถูกกำหนดด้วยค่า 2 ค่า นั้นก็คือ ค่าความเร็ว Bus ของระบบ และ ค่าตัวคูณสัญญาณนาฬิกา โดย เรียกค่าความเร็ว Bus ของระบบว่าเป็น ความเร็วภายนอก เพราะระบบ Bus จะใช้ความเร็วนี้เป็นหลัก แต่ ความเร็วภายในของ CPU หรือ ที่เราเรียกๆ กันว่า CPU ความเร็ว 450 MHz นั้น เกิดจาก ผลคูณของความเร็ว Bus ของระบบ กับ ค่าตัวคูณสัญญาณนาฬิกา เช่นความเร็ว Bus ของระบบ เป็น 100 MHz และ ค่าตัวคูณสัญญาณนาฬิกานั้นเป็น 4.5 ก็จะได้ความเร็วของ CPU เป็น 450 MHz เดิมทีนั้น ทั้งค่าของความเร็วระบบ และ ค่าตัวคูณ จะสามารถปรับแต่งได้จากการ set บน Mainboard แต่เนื่องจาก เกิดปัญหาเรื่อง CPU remark มากเหลือเกิน ซึ่งก็เกิดจากการเพิ่มค่าของตัวคูณให้มากขึ้น เช่น จากเดิมเป็น 4.5 ก็เพิ่มเป็น 5 แล้วทำการ Screen ตัว CPU เสียใหม่ว่าเป็น CPU 500 MHz แล้วก็ขายในราคา 500 MHz ... แน่นอน ... ผู้เสียหายรายใหญ่นั้นคือ Intel ดังนั้น ทาง Intel จึงได้ ทำการปรับแต่งโครงสร้างการกำหนดค่าของ ตัวคูณเสียใหม่ โดยมีการฝังค่านั้นไว้ในส่วนของ Package CPU เลย และไม่จำเป็นต้องอ่านค่าตัวคูณจาก Mainboard อีกต่อไป
OEM & Retail CPU แบบ OEM หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า เป็นแบบ ถาด ( Tray ) จะเป็น CPU ที่มีเพียงแค่ตัว CPU โดดๆ ไม่มี Heatsink หรือ พัดลมจากทางผู้ผลิต CPU ให้ ( ที่มี ก็จะเป็นของที่ทางร้านเพิ่มให้เอง ) การรับประกันจะมีให้เพียงไม่นานนัก ซึ่งเป็นการประกันโดยผู้ขายเอง ไม่ใช่จากทางผู้ผลิตโดยตรง Retail หรือ ที่เราเรียกกันว่า แบบกล่อง (BOX) ซึ่งแบบนี้ จะมี Heatsink และพัดลมติดมาพร้อมกันเลย โดยทั้งหมดจะถูกบรรจุอย่างดีในกล่อง พร้อมด้วยคู่มือ รวมถึงรับประกันจากทางผู้ผลิตไม่ต่ำกว่า 1 ปี โดยปกติแล้ว แบบ OEM จะมีราคาถูกกว่าแบบ Retail อยู่พอสมควร และ ในตลาดบ้านเราจะพบแบบ OEM ได้มากกว่าแบบ Retail โดยเฉพาะอย่างยิ่ง CPU ของ AMD, Cyrix และ IDT ซึ่งจะเห็นได้แต่แบบ OEM เท่านั้น ( พอจะพบเห็น CPU ของ AMD แบบ Retail บ้าง ... แต่น้อยมาก ) ประสิทธิภาพของ OEM และ Retail นั้น ไม่แตกต่างกัน จะมีบ้างก็ในเรื่องความสามารถในการ OverClock และ เสถียรภาพ ซึ่งก็ไม่เห็นชัดเท่าไรนัก

ไม่มีความคิดเห็น: